ประวัติ ของ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์

จบการศึกษาจากโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยารามและโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ระดับปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดี) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รุ่น 06-ร่วมรุ่นเดียวกับ นายกล้านรงค์ จันทิกและนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์) และเนติบัณฑิต สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ สาขานิติศาสตร์ วิทยาลัยเซาท์อีสบางกอก[1]ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561 เขาได้รับรางวัล “เกียรติภูมินิติโดม” ในฐานะศิษย์เก่าดีเด่น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[2]

การทำงาน

หลังจากศึกษาจบแล้วก่อนเป็นผู้พิพากษา ได้เคยทำงานเป็นทนายความประจำสำนักงานกฎหมายของ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช

เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 4 ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา และประธานศาลอุทธรณ์ภาค 7

นายวสันต์เป็นที่รู้จักของสังคม เมื่อกลางปี พ.ศ. 2549 หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดที่มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน พ้นจากตำแหน่งไปเนื่องจากการจัดการเลือกตั้งที่มิชอบด้วยกฎหมาย จากคำตัดสินของศาลอาญา ชื่อของนายวสันต์ถูกนำเสนอเป็นผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ จำนวน 10 คน โดยให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นผู้คัดเลือก แต่นายวสันต์มิได้รับเลือก ซึ่งในการแสดงวิสัยทัศน์ นายวสันต์ได้แสดงความเห็นต่อการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาจนเป็นที่กล่าวขาน[3][4]

ต่อมาได้รับเลือกให้เป็น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 จนถึงวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554 [5]และในวันที่ 24 สิงหาคม 2554 ในการประชุมองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคัดเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ที่ประชุมฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เลือก นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ แทนนายชัช ชลวร ที่ได้ขอลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญไปเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจะนำรายชื่อประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่เสนอต่อประธานวุฒิสภา เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป